อุบายเมืองร้าง
ศึกเกต๋งตอนที่แล้วในประวัติศาสตร์กล่าวว่าคู่ต่อสู้ของม้าเจ๊กมิใช่สุมาอี้ แต่เป็นขุนพลเตียวคับ
ในวรรณกรรมของหลอกว้านจงกล่าวไว้ว่า ม้าเจ๊กพ่ายแพ้เสียเกเต๋ง บีบให้ขงเบ้งต้องเดินหมากเสี่ยง เมื่อขงเบ้งรู้ว่าสุมาอี้กำลังยกทัพมาก็ตกใจ ไร้ทหารมาต่อกร จึงนึก “อุบายเมืองร้าง” ขึ้นมา
ขงเบ้งขึ้นไปอยู่บนเชิงเทิน สั่งให้ทหารถอนธงที่กำแพง เปิดประตูเมือง ให้ชาวบ้านกวาดทางหน้าประตูเข้าเมือง ส่วนตัวขงเบ้งเองนั่งดีดพิณโบราณ เป็นเชิงท้าทายสุมาอี้
ทางฝ่ายสุมาอี้ยกทัพมาเห็นก็ไม่กล้าเข้าไกล้พร้อมพินิจพิเคราะห์ เห็นขงเบ้งนั่งดีดพิณโบราณ (ขิม, กู่ฉิน) อย่างสบายใจ และสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินซึ่งเป็นสีแห่งความล้ำลึก สุมาอี้เป็นคนขี้ระแวงเป็นทุนเดิม แถมยังมีความสามารถเชิงดนตรีอีกซะงั้น จึงอ่านท่วงทำนองของขงเบ้งว่าแฝงไว้ด้วยเงาของการรบราฆ่าฟัน คิดว่าขงเบ้งไม่เคยประมาทจึงสั่งให้ทหารยกทัพกลับ
หากเรามาวิเคราะห์เชิงวรรณกรรมจะเห็นว่า อุบายนี้หลอกได้เฉพาะอัจฉริยะเท่านั้น อุบายนี้เรียกว่า “มีคือมี” เพื่อซ้อนกลคนที่รู้อุบาย “ไม่มีคือมี” แผนแบบนี้ใช้ไม่ได้กับแม่ทัพกระจอกๆ ที่คิดอะไรซับซ้อนไม่เป็น ซึ่งหลอกได้อยู่ 2 คนก็คือโจโฉและสุมาอี้ ราวกับว่ายิ่งรู้มากยิ่งแพ้ทาง
หากมองในมุมเหตุและผล สุมาอี้เป็นคนละเอียดรอบคอบ สามารถส่ง spy สายตรวจไปสำรวจก่อนที่จะยกทัพเข้าตีก็ได้แต่ไม่ทำ สุมาอี้สามารถล้อมเมืองไว้ดูท่าทีไม่เห็นต้องยกทัพกลับก็ทำได้ แต่ไม่ทำ…
จากจดหมายเหตุราชวงศ์จิ้น ได้ระบุว่าสุมาอี้นั้นเป็นคนขี้ระแวง เพราะเหตุนี้หลอกว้านจงจึงเอามาเสริมเติมแต่งกลายเป็นสงครามจิตวิทยา และจึงเป็นที่มาของตำนานขงเบ้งตีขิมกับอุบายเมืองร้าง
ยอดแม่ทัพอัจฉริยะหลายคนจะมีความอัจฉริยะของสมองทั้ง 2 ซีก สามารถคิดวิเคราะห์ตามหลักตรรกะเหตุแลผล พร้อมทั้งยังฉลาดด้าน จินตนาการ การดนตรี บทกวี แม่ทัพที่อัจฉริยะของสมองทั้ง 2 ซีก ที่วรรณกรรมได้กล่าวถึงก็จะมี โจโฉ ขงเบ้ง จิวยี่ สุมาอี้ ซึ่งเป็นแม่ทัพระดับแนวหน้าของสามก๊ก
No Comment